ลดหย่อนภาษ๊ 2564

ทุกคนที่มีรายได้รวมทุก ประเภทเกิน 120,000 บาท/ปี ต้องยื่นแบบภาษี สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันอย่างละเลยไม่ได้คือ การวางแผนลดหย่อนภาษี ซึ่งจะทำให้เราได้เงินภาษีคืน่ ด้วยค่าลดหย่อนหลากหลาย วันนี้ทาง Blifeplanner ได้ทำการรวบรวมและสรุปค่าลดหย่อน ทั้งได้สิทธิ์ โดยต้องซื้อ เพิ่มและ ไม่ต้องซื้อเพิ่มไว้ดังนี้

ผู้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ผู้สูงอายุ ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์ ในปีภาษี ( ในรายได้ส่วนแรกไม่เกิน 190,000 ในปีภาษี)
ผู้พิการ ที่เป็นคนไทยมีรายได้ และ อายุ ไม่เกิน 65ปีบริบูรณ์ ( ในรายได้ส่วนแรกไม่เกิน 190,000 ในปีภาษี)

1

1

1.ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและ ครอบครัว ประกอบด้วย

-ค่าลดหย่อนส่วนตัว ได้ 60,000 บาท
-ค่าลดหย่อนคู่สมรส ได้ 60,000 บาท ( กรณี คู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ และ จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย)
-ค่าลดหย่อน เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และ การคลอดบุตร ได้ 60,00 0 บาท
-ค่าลดหย่อน เกี่ยวกับบุตร ได้คนละ 30,000 บาท ( ต้องเป็นบุตรตามกฎหมาย หรือ บุตรบุญธรรม)
บุตรคนที่2 ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 จะได้ค่าลดหย่อนเพิ่มอีก คนละ 60,000 บาท (บุตรตามกฎหมาย ใช้สิทธิได้ตามจำนวนบุตรจริงไม่จำกัด)
ส่วนบุตร บุญธรรม ใช้สิทธิ์ ได้คนละ 30,000 บาท แต่ได้สูงสุดแค่3 คน เท่านั้น( กรณีที่ใช้สิทธิ์ บุตรตามกฎหมาย 3 คน แล้วและมีบุตรบุญธรรม อีก2 คน บุตรบุญธรรมทั้ง 2 คนจะไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้)
–ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบิดามารดา( ตนเอง และ คู่สมรส) ได้สิทธิ คนละ30,000 บาท รวม 120,000 บาท แต่มีเงื่อน ไข คือ บิดามารดา ต้องมีอายุ เกิน 60 ปีขึ้นไป และ มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท โดย การใช้สิทธิ์ ต้องตกลงกันในพี่น้องให้เรียบร้อย ใช้สิทธิ์ซ้ำกันไม่ได้ โดยทางที่ควรทำควรมีการระบุในหนังสือรับรองการเลี้ยงดู ( ลย.03)
–ค่าลดหย่อนเกี่ยวกับอุปการะผู้พิการหรือทุพลภาพ ได้สิทธิ์ 60,000 ต่อคน เงื่อนไข ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี และต้องมีการขึ้นทะเบียนบัตรประจำตัวผู้พิการด้วย

ตัวอย่างหนังสือ รับรองการอุปการะ บิดามารดา ตามภาพด้านล่าง

1

1

2. ค่าลดหย่อนภาษี ด้าน ประกันชีวิต การออม และ การลงทุนประกอบด้วย

-เงินประกันสังคม ลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 5,100 บาท ( จากเดิม 9,000 บาท) ปี 2564 มีการปรับลดอัตราเงินสะสม
-เบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนได้ สูงสุด 100,000 บาท (กรณีมีประกันสุขภาพ ได้สูงสุด 25,000 แต่รวมกับประกันชีวิตหลัก ไม่เกิน 100,000 บาท)
(ตัวที่พลาดกันบ่อยคือ ตัวประกันชีวิตหลัก ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองขั้นต่ำ10ปี จึงใช้สิทธิ์ ค่าลดหย่อนได้)
-เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ได้สูงสุด ไม่เกิน 15,000 บาท (เงื่อนไข บิดามารดาต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี ไม่มีเงื่อนไขอายุ)
-เบี้ยประกันชีวิตกลุ่มบำนาญ annuity นำมาลดหย่อนได้ แต่ต้องระวังไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมินแต่ไม่เกิน 200,000 บาท

กลุ่มกองทุนรวม
-กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMFใช้สิทธิ์ได้ 30 % ของรายได้พึงประเมิน ไม่เกิน500,000 บาท
-กองทุนรวมเพื่อการออม SSF ใช้สิทธิ์ได้ 30% ของรายได้พึงประเมิน ไม่เกิน 200,000 บาท
-กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ PVD และ กบข และ กองทุนสงเคราะห์ครู ใช้สิทธิ์ ในกองนี้รวม ได้ 15% ของรายได้พึงประเมินแต่ไม่เกิน 500,000 บาท(กลุ่มกองทุนรวม(กลุ่มนี้รวมประกันบำนาญ RMF SSF PVD กบข กองทุนครู รวมแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท))
-กองทุนออมแห่งชาติ ใช้สิทธิ์ ได้ ไม่เกิน 13,200 บาท (สำหรับคนที่ไม่มีประกันสังคม สามารถสมัครได้)

1

1

3.ค่าลดหย่อนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย สูงสุด 100,000 บาท

4.ค่าลดหย่อน ภาษีด้านเงิน บริจาค ประกอบด้วด้วย
-บริจาคพรรคการเมอืง ใช้สิทธิ์สูงสุดได้ 10,000 บาท
-เงินบริจาคทั่วไป ใช้สิทธิ์ตามจริงแต่ ได้สูงสุด 10% ของรายได้หลังจากหักค่าลดหย่อนทั้งหมดข้างต้น
-เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกิฬา สังคม และสถานพยาบาลรัฐ ใช้สิทธิ์ ได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10 % ของเงินได้หลักจากหักค่าลดหย่อนข้างต้น

1

1

ทาง Blifeplanner  ได้ทำตัวอย่างการวางแผนภาษีโดยใช้ค่าลดหย่อน ข้างต้น เพื่อเปรียบเทียบ การใช้ค่าลดหย่อนทำให้เราประหยัดภาษีต่างกันตามภาพ เพื่อให้ทุกท่าน เลือกใช้ค่าลดหย่อน เพื่อความคุ้มค่า

1

1